วันพุธที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ประวัติหลวงปู่ดู่ วัดสะแก อยุธยา

หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

ประวัติโดยสังเขป



           เกิดในตระกูลหนูศรี เมื่อวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2447 ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีมะโรง (ตรงกับวันวิสาขบูชา) โดยเป็นบุตรของนายพุดกับนางพุ่ม หนูศรี มีพี่สาวร่วมบิดามารดา ๒ คน ท่านเป็นคนที่ ๓ เป็นบุตรคนสุดท้อง
  หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ บรรพชาอุปสมบท ณ วัดสะแก ตำบลธนู อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีหลวงปู่กลั่น เจ้าอาวาสวัดพระญาติการาม เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงปู่แด เจ้าอาวาสวัดสะแก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลวงปู่ฉาย วัดกลางคลองสระบัว เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๘ ตรงกับวันอาทิตย์ แรม ๔ ค่ำ เดือน ๖ ได้รับฉายาว่า “พรหมปัญโญ”
 ด้วยความที่ท่านเป็นผู้มีความใฝ่รู้จึงมีความเพียรที่ศึกษาทั้งด้านปริยัติและปฏิบัติ จากพระคณาจารย์ผู้ทรงภูมิรู้ภูมิธรรมในยุคนั้นหลายท่าน อาทิ หลวงพ่อกลั่น หลวงพ่อเภา ท่านเจ้าคุณเนื่อง พระครูชม หลวงพ่อรอด (เสือ) และอีกหลายๆท่านตามจังหวัดต่างๆ
          หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ มีวิธีการเมตตาในสอนศิษย์ทังหลาย โดยอุบายธรรมสั้น ๆ ง่าย ๆ แต่มีความหมายลึกซึ้งในตัว โดยเล่าจากเหตุการณ์ที่ท่านพบเห็นมากับตัวของท่านเองหรือได้มาจากการปฏิบัติธรรมอันยาวนานตลอดชีวิตท่านและบางครั้งก็กล่าวถึงพุทธประวัติ ธรรมบทหรือชาดกต่าง ๆ ตามแต่ท่านจะเห็นควร ในเวลาหรือโอกาสต่าง ๆ ที่จะนำมาสอนศิษย์เพราะลูกศิษย์แต่ละคนนั้นมีภูมิธรรมไม่เท่ากัน คนที่เข้าวัดใหม่ ๆ ท่านก็จะสอนแบบเข้าใจง่าย ๆ แต่ลึกซึ้งและกินใจจน เสมือนหนึ่งว่าท่านสามารถรู้ถึงก้นบึ้งของความคิดของบรรดาลูกศิษย์ลูกหา

คำของหลวงปู่ดู่ที่กล่าวไว้

บุญนั้นหมั่นทำไว้ปฏิบัติไว้ คนไหนที่เขาว่าทำได้ดี ได้เห็นอะไรก็ตามโมทนาไปเลย ไม่มีเสียมีแต่ได้ อย่าไปขัดเขา
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่อยู่เหนือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก็คือกรรม
ถึงแกมาวัด แต่ใจยังมีโลภ โกรธ หลง แกยังมาไม่ถึงวัด แต่ถ้าแกอยู่ที่บ้านหรือที่ไหนๆ แต่ไม่โกรธ ไม่โลภ ไม่หลง ข้าว่าแกมาถึงวัดแล้ว
"บุญ คือ ความสบายใจ ก่อนทำก็สบายใจ ขณะทำก็สบายใจ ทำแล้วก็สบายใจ คิดถึงทีไร สบายใจทุกที
ข้าไม่มีศิษย์เอก ไม่มีคนโปรด ข้ารักศิษย์ทุกคนเหมือนกันหมด ข้าอยู่กับทุกคนและช่วยเหลือเหมือนกัน อยู่ที่ใครจะเข้าถึงข้าได้หรือไม่ หมั่นภาวนาเข้าไว้
พวกแกน่ะ เบื่อไม่จริง เดี๋ยวเบื่อ เดี๋ยวอยาก
ปฏิบัติธรรมตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เป็นหนุ่ม เป็นสาวนี่แหละดี เพราะเมื่อแก่เฒ่าไปแล้ว จะนั่งก็โอย จะลุกก็โอย หากจะรอไว้ให้แก่เสียก่อน แล้วจึงค่อยปฏิบัติ ก็เหมือนคนที่คิดจะหัดว่ายน้ำเอาตอนที่แพใกล้จะแตก มันจะไม่ทันการณ์
" ในขณะที่เรานั่งสมาธิเจริญภาวนานั้น คำกล่าวว่า
พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ให้นึกถึงว่าเรามีพระพุทธเจ้าเป็นพระอุปัฌาย์ของเรา
ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ... ให้นึกว่าเราดูมีพอิภระธรรมเป็นพระกรรมวาจาจารย์
สังฆัง สรณัง คัจฉามิ... ให้นึกว่าเรามีพระอริยสงฆ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์
แล้วอย่าสนใจขันธ์ 5 หรือร่างกายเรานี้ ให้สำรวมจิตให้ดี มีความยินดีในการบวช
ชายก็ตั้งจิตเป็นพระภิกษุ หญิงก็ตั้งจิตเป็นพระภิกษุณี
อย่างนี้จะมีอานิสงส์สูงมาก จัดเป็นเนกขัมบารมีขั้นอุกฤษฎ์ทีเดียว
          มีคนเคยกล่าวว่าหลวงปู่ดู่ คือหลวงปู่ทวดมาจุติใหม่จึงมีศิษยานุศิษย์มากมาย ส่วนเรื่องอภินิหารเรื่องราวของท่านก็มีอยู่มากมาย

ตัวอย่างเรื่องเล่าของท่าน (น่าจะมีอยู่ด้วยกันประมาณ ๓๗ เรื่อง)

น า น า ท ร ร ศ น ะ เ กี่ ย ว กั บ พ ร ะ เ ค รื่ อ ง บู ช า (เรื่องเล่าที่ ๓๕. )
        ผู้ที่มีพระเครื่องบูชา มักคิดไม่ตกว่าควรวางไว้ที่ใดจึงควรแก่การสักการะ คำถามเหล่านี้มีเป็นประจำ ผู้เขียนจึงรวบรวมไว้โดยสังเขป ดังนี้
        ผู้ถาม "พระหลวงปู่ตั้งไว้ที่เดียวกับพระพุทธเจ้าได้ไหม"

        หลวงปู่ "ข้าทำพระ สุดท้ายก็อธิษฐานเป็นพระพุทธเจ้า รูปข้าหรือรูปพระสงฆ์ทั่วไปยังไม่ใช่ของจริง เป็นของหลอก มีแต่พระพุทธเจ้าจึงมีจริง"
        ผู้ถาม "อย่างนั้น ตั้งไว้อาสนะเดียวกันได้สิครับ"
        หลวงปู่ "ได้ ถ้าแกไม่กลัวโลกเขาติเตียน ผู้รู้จะตำหนิเอาได้"
        ผู้ถาม "ถ้าผมไม่มีโต๊ะหมู่บูชา มีเพียงโต๊ะตัวเดียวจะทำอย่างไร"
        หลวงปู่ "เอาผ้าขาว กระดาษขาว วางรองไว้ที่ฐานพระพุทธรูป ก็ถือว่าคนละอาสนะแล้ว"
        ผู้ถาม "ถ้ามีคนเอารักยม กุมาร หรือรูปนางกวักเหล่านี้มา หลวงปู่เสกไหมครับ"
        หลวงปู่ "เสกได้ ทำเป็นพระเสียก็หมดเรื่อง รักยมก็บวชให้เป็นเณร เณรเป็นอรหันต์มีเยอะแยะ นางกวักก็เป็นภิกษุณี"
        ผู้ถาม "พระแก้วมรกตมีพระธาตุจริงไหม"
        หลวงปู่ "พระแก้วเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน พระนาคเสนเป็นพระอรหันต์ที่สร้างขึ้นมา ท่านอธิษฐานให้พระสารีริกธาตุสถิตอยู่ ๗ แห่ง"
        ผู้ถาม "ตัวแทนพระพุทธเจ้าทุกองค์ต้องสร้างด้วยมรกตสีเขียวใช่ไหมครับ"
        หลวงปู่ "ไม่เหมือนกัน ถ้าถึงยุคพระศรีอริยเมตไตรย พระทำด้วยทับทิม (แก้วมณี) เพราะเป็นของคู่บารมีท่าน"
        ผู้ถาม "การที่พระภิกษุสร้างรอยเท้าให้บูชานั้น มีวัตถุประสงค์อย่างไร"
        หลวงปู่ "การทำเช่นนั้น มิใช่การทำรอยเท้าของท่านเอง หากแต่อธิษฐานเป็นรอยเท้าพระพุทธเจ้า"


ต า ย ก่ อ น ต า ย ช่วงที่ ๑ (เรื่องเล่าที่ ๓๓. )

          เมื่อครั้งที่เกิดอุบัติเหตุจากเครื่องบินตกที่ อ.ธัญบุรี เมื่อประมาณปี พ.ศ.๒๕๒๗ มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้หลายคน ในจำนวนนั้นมีพระสงฆ์ ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของประชาชนภาคอีสาน ได้ถึงแก่มรณภาพพร้อมกันหลายรูป มีพระอาจารย์จวน, พระอาจารย์วัน, พระอาจารย์สิงห์ทอง เป็นต้น มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันมากมาย ว่าท่านเหล่านี้ล้วนทรงคุณธรรมสัมมาปฏิบัติ ทำไมจึงต้องมามรณภาพแบบนี้ ผู้เขียนเรียนถามหลวงปู่ ท่านตอบว่า
         "ท่านเหล่านั้น ตายก่อนตาย ท่านจึงไม่กลัวตาย ท่านตายแล้วก่อนเครื่องบินจะตกลงกับพื้น"
ผู้เขียนเกิดความสงสัยในคำพูดของหลวงปู่ คิดจะถามต่อเพราะเข้าใจว่าท่านถอดจิตไป แต่หลวงปู่ท่านตอบว่า
         "ท่านเป็นพระอรหันต์ กิเลสท่านหมดแล้ว ตายตอนไหนก็เป็นเรื่องของสังขารร่างกาย จิตท่านไม่ตาย"
         ผู้เขียนยกมือสาธุคำพูดของหลวงปู่ ความสงสัยในใจหายไป นึกถึงพระโมคคัลลาน์ พระอรหันต์ผู้ทรงคุณวิเศษ ยังต้องถูกโจรทุบตาย กรรมทางร่างกายเกิดขึ้นกับท่าน เพราะด้วยใช้กรรมจากอดีต เนื่องจากเคยทารุณบิดามารดาในกาลก่อน

         มีพระภิกษุท่านหนึ่งได้ออกข่าวครึกโครม ในทำนองว่าการตายของพระเหล่านั้น เป็นการตายโหง ยังไปไม่ได้ ถึงกับท่านต้องแผ่เมตตาให้บุญ จึงพ้นจากภูมิที่ท่านได้เป็นอยู่ แต่ผู้เขียนเชื่อมั่นว่าหลวงปู่ต้องพูดไม่ผิด จึงบอกกับผู้ที่มาถามถึงทรรศนะของผู้เขียน โดยบอกว่าให้รอ เมื่อเผาท่านเหล่านี้เสียก่อนแล้ว จึงค่อยมาพูดกัน เพราะยิ่งพูดยิ่งวิจารณ์มากจะเกิดบาปเปล่าๆ
หลังจากมีพิธีพระราชทานเพลิงศพพระอาจารย์เหล่านั้น อัฐิของท่านได้กลายเป็นพระธาตุ ซึ่งแสดงถึงคุณธรรม ความบริสุทธิ์เป็นจริงตามที่หลวงปู่กล่าวไว้..


ต า ย ก่ อ น ต า ย ช่วงที่ ๒

         ในเรื่องของความตาย หลวงปู่เคยพูดเสมอว่า "ท่านสู้แค่ตาย" และเมื่อท่านถึงคราวละสังขาร ท่านก็แสดงถึงสัจธรรมคำพูดท่าน คือ ท่านหัวใจวายในขณะที่ท่านกำลังจะออกมาโปรดญาติโยมตามปกติ ญาติโยมบางท่านเกิดความข้องใจว่า ทำไมหลวงปู่จึงไม่นั่งสมาธิละสังขาร ผู้เขียนจึงระลึกถึงคำพูดของท่านอาจารย์ดูลย์ อตุโล ในคราวที่ปีนเขาขึ้นไปเยี่ยมพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ที่ถ้ำขามด้วยความยากลำบาก ท่านบอกกับอาจารย์ฝั้นว่า "ท่านไม่มีวิบากของสังขาร ถ้าเห็นว่าไปไม่ไหวก็ทิ้งไปเลย" แสดงถึงจิดของท่านที่เตรียมหร้อมทุกอิริยาบท หลวงปู่ดู่เช่นกัน ท่านไม่เคยแสดงอาการเจ็บป่วยแบบล้มหมอนนอนเสื่อให้ลูกศิษย์ได้ปฐมพยาบาล อย่างมากที่สุดคือ ท่านอนุญาตให้นายแพทย์ทำการให้น้ำเกลือ หรือฉีดยาเพื่อการสงเคราะห์เท่านั้น บางครั้งแพทย์ลงความเห็นว่า ท่านควรจะไปรักษาที่โรงพยาบาล ท่านก็ไม่ยอมไป หลวงปู่เพียงแต่บอกว่า "ไม่เป็นไร" ถ้าลูกศิษย์แสดงความกังวลออกมาท่านจะพูดออกมาว่า "ยังไม่ตายหรอก ถ้าตายเมื่อไรจะบอก" แสดงถึงความกล้าหาญ ไม่กลัวในความตายของหลวงปู่ ไม่ว่าจะเป็นเวลาใดก็ตาม

          ลูกศิษย์ที่รับใช้หลวงปู่เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า มีอยู่วันหนึ่งดูอาการของหลวงปู่ไม่ดีอย่างมาก คิดในใจว่าจะไปโทรศัพท์เรียกนายแพทย์ หลวงปู่รีบบอกว่า "ไม่ต้องโทรไปบอก ข้าไม่เป็นไร" ด้วยความที่เธอเป็นห่วง จึงโทรตามนายแพทย์มา เมื่อนายแพทย์มาถึงและตรวจอาการก็ไม่พบอะไร เมื่อนายแพทย์กลับไปแล้ว อาการท่านก็เป็นแบบเดิม และในสันนี้ ก็เป็นวันสุดท้ายของหลวงปู่ที่จะละสังขารจริงๆ มีญาติโยมจะนำสังฆทานมาถวายท่านในตอนเย็น หลวงปู่สั่งให้ไปถวายพระองค์อื่น เงินให้ใส่ในตู้ทำบุญ นับแต่นี้ไปท่านจะเลิกรับสังฆทาน

          พระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด เคยเขียนประวัติพระอาจารย์มั่น ตอนหนึ่งกล่าวถึง พุทธนิมิตของพระอรหันต์ ซึ่งแสดงถึงการนิพพาน มีอยู่หลายอิริยาบททั้ง ยืน เดิน นั่ง นอน แล้วแต่เวลาที่จะไป บางองค์เดินอยู่แล้วถึงนิพพาน นับว่าเป็นภาพที่ประทับใจสำหรับพระอาจารย์มั่นมาก หลวงปู่ดู่ท่านกำลังเดินออกจากกุฏิแต่มรณภาพ ก่อนที่จะออกมาเมตตา แสดงถึงความไม่สะทกสะท้านดังเช่น หลวงปู่ดูลย์ บอกไว้ทุกประการ....

ท า ง ที่ พ้ น โ ล ก (เรื่องเล่าที่ ๓๓. )

          หลวงปู่เคยเล่าให้ผู้เขียนฟังถึงประสบการณ์จากลูกศิษย์คนหนึ่ง กล่าวคือ ในตอนแรกลูกศิษย์ของท่านคนนี้นับถือศาสนาคริสต์ก็ไม่ยอมปฏิบัติ จนกระทั่งวันหนึ่งได้มีโอกาสเข้าไปนั่งปฏิบัติในกุฏิของท่าน และเห็นหลวงปู่ทวดในนิมิต ด้วยเหตุผลทางศาสนาจึงทำให้ไม่ยอมกราบหลวงปู่ทวด แต่ในที่สุดก็ต้องกราบหลวงปู่ทวดจนได้
         ต่อมา ลูกศิษย์คนนี้มานมัสการท่านพร้อมทั้งรายงานผลการปฏิบัติ และได้เรียนถามท่านว่า "หลวงลุงครับ รู้จักหลวงพ่อธรรมโชติไหม" ท่านก็ฉุกคิดได้ถึงการอธิษฐานของท่านเมื่อหลายสิบปีก่อนหลวงปู่ "ข้าเคยอธิษฐานขอคาถาจากอาจารย์ธรรมโชติ เพราะเห็นคนเขาลักของของวัด บางทีข้านอนอยู่ยังลักไปต่อหน้าต่อตา เขาเล่ากันว่า ที่วัดของท่าน ใครลักของไปต้องเอามาคืนหมด พระอาจารย์ธรรมโชติองค์นี้เป็นผู้ที่มีอาคมขลังในสมัยเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒ และท่านเป็นผู้หนึ่งที่ร่วมอยู่ในค่ายบางระจันเพื่อต่อสู้กับอริราชศัตรูคือ พม่า"
         ลูกศิษย์ "อาจารย์ธรรมโชติท่านสั่งให้ผมมาเรียนหลวงลุงว่า คาถาที่ขอนั้นยังเป็นโลก ติดอยู่ในโลกไปไม่ได้ แต่วิธีการของหลวงลุงเป็นการทำตัวให้พ้นโลกที่ท่านทำนั้นสูงอยู่แล้ว"
หลวงปู่จึงพูดกับผู้เขียนว่า"ที่จริงข้าลืมไปแล้วด้วยซ้ำ เพราะขอมานมนานกาเล แต่ท่านยังอุตส่าห์บอกถึงข้าจนได้"

         เป็นต้น แล้วยังมีอีกผมยกตัวอย่างคราวๆ ครับ

วัตถุมงคล

        วัตถุมงคลของหลวงปู่ดู่ วัดสะแก อาทิ แหวน เหรียญรุ่นต่างๆ เท่าที่ผมรู้และที่ผมมี ตัวอย่าง



















แหวนส่วนของครั้งต่อไปจะนำมาลงให้ดูครับ





1 ความคิดเห็น:

  1. youtube - VR-DLL
    The best and most realistic videos on YouTube. I like watching all the action. Enjoy it on my smartphone, tablet or smartphone, Feb 18, 2020 · Uploaded by youtube downloader YouTube

    ตอบลบ